|
สัตตานัง |
 |
ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ/จิต/มโน |
 |
ปฏิจจสมุปบาท |
 |
|
ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมกระทำไว้ในใจโดยแยบคายเป็นอย่างดี ซึ่งปฏิจจสมุปบาทนั่นเทียว ดังนี้ว่า
 |
ด้วยอาการอย่างนี้ |
เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ย่อมมี เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น |
|
เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มี เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป |
 |
|
|
เพราะมีอวิชาเป็นปัจจัย |
จึงมีสังขารทั้งหลาย |
|
|
เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย |
จึงมีวิญญาณ |
|
|
เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย |
จึงมีนามรูป |
|
|
เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย |
จึงมีสฬายตนะ |
|
|
เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย |
จึงมีผัสสะ |
|
|
เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย |
จึงมีเวทนา |
|
|
เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย |
จึงมีตัณหา |
|
|
เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย |
จึงมีอุปาทาน |
|
|
เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย |
จึงมีภพ |
|
|
เพราะมีภพเป็นปัจจัย |
จึงมีชาติ |
|
|
เพราะมีชาติเป็นปัจจัย |
ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสะ |
|
ทั้งหลายจึงเกิดขึ้น ครบถ้วน ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้ |
|
|
|
|
|
เพราะความจางคลาย ดับไป โดยไม่เหลือ แห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว จึงมีความดับแห่งสังขาร |
 |
|
เพราะมีความดับแห่งสังขาร |
จึงมีความดับแห่งวิญญาณ |
|
|
เพราะมีความดับแห่งวิญญาณ |
จึงมีความดับแห่งนามรูป |
|
|
เพราะมีความดับแห่งนามรูป |
จึงมีความดับแห่งสฬายตนะ |
|
|
เพราะมีความดับแห่งสฬายตนะ |
จึงมีความดับแห่งผัสสะ |
|
|
เพราะมีความดับแห่งผัสสะ |
จึงมีความดับแห่งเวทนา |
|
|
เพราะมีความดับแห่งเวทนา |
จึงมีความดับแห่งตัณหา |
|
|
เพราะมีความดับแห่งตัณหา |
จึงมีความดับแห่งอุปาทาน |
|
|
เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน |
จึงมีความดับแห่งภพ |
|
|
เพราะมีความดับแห่งภพ |
จึงมีความดับแห่งชาติ |
|
 |
|
เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมมัส อุปายาสะ ทั้งหลายจึงดับสิ้นไป |
|
ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้ |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|